เปลี่ยน Raspberry Pi ของคุณให้เป็น Wi-Fi Access Point พร้อมระบบยืนยันตัวตนแบบ Captive Portal ด้วย WordPress

ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน Raspberry Pi กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใครหลายคนเลือกใช้งาน เพราะความสามารถที่หลากหลาย ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาสอนวิธีเปลี่ยน Raspberry Pi ของคุณให้กลายเป็น Wi-Fi Access Point ที่มีระบบยืนยันตัวตนด้วย Captive Portal ผ่าน WordPress ซึ่งสามารถตั้งเวลาจำกัดในการใช้งานได้

สิ่งที่คุณต้องเตรียม

ก่อนเริ่มต้นเรามาดูกันว่าต้องมีอะไรบ้าง สำหรับการตั้งค่า Raspberry Pi เป็นต้นแบบ Wi-Fi Access Point:

  • Raspberry Pi (แนะนำเป็น Model 3 หรือใหม่กว่า)
  • การ์ด Micro SD ขนาด 8GB ขึ้นไป พร้อม Raspbian OS
  • การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • WordPress สำหรับระบบยืนยันตัวตน

การติดตั้ง Raspbian OS

อันดับแรก เราจำเป็นต้องติดตั้ง Raspbian OS บน Raspberry Pi คุณสามารถทำได้โดยใช้โปรแกรม Raspberry Pi Imager.

1. ดาวน์โหลด Raspberry Pi Imager ได้ที่นี่ และติดตั้งตามคำแนะนำ.

2. เปิด Raspberry Pi Imager เลือกรุ่นของ Raspbian ที่คุณต้องการ.

3. ใส่การ์ด Micro SD ในคอมพิวเตอร์ของคุณ เลือกไดรฟ์ที่เหมาะสมจากโปรแกรม Imager และคลิก “Write”.

ตั้งค่าให้ Raspberry Pi เป็น Wi-Fi Access Point

หลังจากติดตั้ง OS เสร็จเรียบร้อย เราต้องตั้งค่า Raspberry Pi ให้ทำหน้าที่เป็น Access Point โดยต้องติดตั้งแพ็กเกจและตั้งค่าเครือข่าย:

sudo apt update
sudo apt install hostapd
sudo systemctl unmask hostapd
sudo systemctl enable hostapd
จากนั้น ต้องแก้ไขไฟล์สคริปต์เกี่ยวกับ DHCP:

sudo nano /etc/dhcpcd.confเพิ่มบรรทัดด้านล่างนี้ที่ท้ายไฟล์:

interface wlan0
static ip_address=192.168.4.1/24
deny interfaces eth0
บันทึกและปิดไฟล์ จากนั้นรีสตาร์ทระบบ DHCP:

sudo service dhcpcd restart

การตั้งค่า Captive Portal ด้วย WordPress

สำหรับการยืนยันตัวตนผ่าน WordPress เราจะใช้ปลั๊กอินที่ช่วยในการยืนยันผู้ใช้งาน:

1. สร้างเว็บไซต์บน WordPress ไปที่ส่วนจัดการปลั๊กอินและค้นหา “Captive Portal”.

2. ติดตั้งปลั๊กอินที่เลือก ใช้ API Keys จาก WordPress สำหรับเชื่อมโยงกับ Raspberry Pi.

การตั้งเวลาการใช้งาน

คุณสามารถตั้งค่าการจำกัดเวลาในการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Raspberry Pi ได้โดยใช้สคริปต์ Python ที่ทำงานควบคู่.

import time
expiration = time.time() + 3600 # ตั้งเวลาเป็น 1 ชั่วโมง
while True:
if time.time() > expiration:
# อาจทำการล็อกเอาท์หรือปิดการใช้เน็ตเวิร์ค

วิเคราะห์แและลงความคิดเห็น

จากการตั้งค่าจากที่กล่าวมา คุณจะพบว่า Raspberry Pi เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นอย่างมากในการรองรับการตั้งค่า Access Point และให้ความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนกับ WordPress แต่ทั้งนี้ การใช้งานต้องคำนึงถึงความสามารถในการเข้าถึงและการจัดการทรัพยากรของระบบที่จำกัด.

แม้ว่าการสร้าง Wi-Fi Access Point ด้วย Raspberry Pi ไม่ยาก แต่วิธีการนี้ก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งต้องการการทำงานที่เสถียรและสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้จำนวนมากได้.

สรุป

การเปลี่ยน Raspberry Pi ของคุณให้เป็น Wi-Fi Access Point ที่มี Captive Portal และตั้งค่าผ่าน WordPress ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถทำได้ ขอเพียงมีการเตรียมตัวและทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้อย่างละเอียด ท้ายสุดคุณจะพบว่าไอเดียนี้สามารถนำไปต่อยอดเพื่อใช้ในหลายๆ โอกาสได้อีกด้วย.

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างแอกเซสพอยต์ที่ใช้งานได้จริง และเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับศักยภาพของ Raspberry Pi ที่ไม่สิ้นสุด!

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Scroll to Top